ความเสี่ยง
การบริหารความเสี่ยงที่ไม่มีประสิทธิภาพของบริษัทฯ จะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ โดยตรงทั้งในด้านการเงินและชื่อเสียงความเชื่อมั่น ตลอดจนการได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการต่อไปในอนาคต และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทั้งด้านสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อความเชื่อมั่นในบริษัทฯ และอาจเกิดการต่อต้านการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต
โอกาส
การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สามารถมองเห็นและตอบสนอง (Sense and Response) ได้อย่างรวดเร็ว ต่อประเด็นความเสี่ยงต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงทำให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการกำหนดมาตรการรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ
การบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทฯ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท โดยมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และกำกับดูแลการทำงานของคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหารระดับสูงจำนวน 7 คน โดยมีกรรมการอิสระเป็นประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงปรากฏในแบบแสดงข้อมูลประจำปี / รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) หัวข้อ “โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ และการบริหารจัดการความเสี่ยง” )
และเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ครอบคลุมทั้งองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อนโยบายหลักของบริษัทฯ ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management Working Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารและตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆ และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย จำนวนรวม 24 คน โดยมีประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เป็นประธาน คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
บริษัทฯ กำหนดให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นความรับผิดชอบของพนักงานในทุกระดับ ที่ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีในห่วงโซ่ธุรกิจขององค์กร และในขั้นตอนการปฏิบัติงานในหน่วยงานของตน โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเพียงพอ ดังนั้น ทุกฝ่ายภายในบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงได้กำหนดให้มีผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานความเสี่ยงในระดับปฏิบัติการ ทำงานร่วมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรในการระบุความเสี่ยงและจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและติดตามผล โดยมีฝ่ายกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือ ตลอดจนส่งเสริมให้แต่พนักงานในแต่ละฝ่ายและบริษัทย่อยตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงและมีส่วนร่วมในการจัดการความเสี่ยงในส่วนงานรับผิดชอบของตนเอง
แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัทฯ กำหนดให้มีกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีตามแนวปฏิบัติสากล เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบกับการดำเนินงานของกลุ่มอมตะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการพัฒนาและปฏิบัติงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน โดยนำระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงมาเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ การวางแผนกลยุทธ์ แผนงาน และการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้
การบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร (Enterprise Risk Management: ERM) ของบริษัทฯ ใช้แนวทางของ The Committee of Sponsoring Organization หรือ COSO บริษัทฯ ทำการทบทวนและประเมินความเสี่ยงองค์กรเป็นประจำทุกปี โดยพิจารณาทบทวนประเด็นความเสี่ยงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และระบุประเด็นความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จากภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันของธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ นโยบายและกฎระเบียบของรัฐ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ได้นำประเด็นต่าง ๆ มาวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง เพื่อจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม และกำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) และค่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) เพื่อติดตามผลการจัดการความเสี่ยงและประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมความเสี่ยง ตลอดจนพิจารณาโอกาสทางธุรกิจจากปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ และได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของความเสี่ยงระดับองค์กรจัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวพร้อมกับกำหนดตัวชี้วัดด้านความเสี่ยง
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงเชิงบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน จึงสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการความเสี่ยงเชิงรุก (collaborative proactive risk management) ในแต่ละความเสี่ยงองค์กร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแผนการจัดการลดผลกระทบความเสี่ยงที่ได้รับมุมมองอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงผลกระทบของทุกภาคส่วน
คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรติดตามผลการตอบสนองต่อความเสี่ยงและติดตามสถานการณ์ที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยง และรายงานผลสรุปในที่ประชุมคณะผู้บริหาร (Management Meeting) ซึ่งประกอบด้วยประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่ทุกคน และกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย และรายงานให้คณะกรรมการบริษัททราบต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ต้องการให้พนักงานมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในทุกระดับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมองค์กรด้านการบริหารความเสี่ยงให้แก่พนักงานทุกระดับ โดยการให้ความรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม เป็นต้น
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม และ ลาว แต่สภาวการณ์โลกยังคงมีความผันผวน มีวิกฤตการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายที่เชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่ โดยเฉพาะจากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นและเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นในบางภูมิภาคของโลก สร้างผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายด้าน เช่น อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากต้นทุนทางพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม เป็นต้น ตลอดจนทำให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศชะลอตัว บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการติดตามความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทบทวนและประเมินความเสี่ยงอันเกิดจากปัจจัยและสภาวะแวดล้อมภายนอกเป็นประจำ รวมถึงจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้ครอบคลุมในทุกบริษัทของกลุ่มอมตะ โดยบูรณาการนำแนวทางการบริหารความเสี่ยงองค์กรด้านความยั่งยืน (ESG Risk) เป็นกรอบหนึ่งในการบ่งชี้ความเสี่ยงระดับองค์กร บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงโดยพิจารณาถึงความสอดคล้องของแผนกลยุทธ์องค์กรในระยะกลางและระยะยาว ตลอดจนพลวัตของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของทั้งสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการเกิดขึ้นใหม่ของนโยบาย กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยนำมาวิเคราะห์ในการกำหนดแผนจัดการความเสี่ยงทั้งในระยะกลาง และระยะยาว ควบคู่ไปกับการทำแผนกลยุทธ์องค์กร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้และลดความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดต่อองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียได้
บริษัทฯ ได้ทบทวนประเด็นความเสี่ยงหลักขององค์กร โดยให้ความสำคัญความเสี่ยงของประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทฯ (Strategic Priorities) ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG-related Risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) มากขึ้น คณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กรได้จำแนกความเสี่ยงเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ (Operational Risk) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ (Compliance Risk) ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) และได้ทบทวนและปรับปรุงแผนบริหารความเสี่ยงองค์กรและตัวชี้วัดความเสี่ยง (key risk indicators: KRI) เพื่อติดตามและเฝ้าระวังการเกิดขึ้นของความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินการเรื่องความเสี่ยงลงไปในระดับหน่วยธุรกิจให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานในบริษัทฯ ต่อไป
จากการประเมินความเสี่ยงของบริษัทฯ พบว่า มีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ใน 3-5 ปีข้างหน้า จำนวน 1 ประเด็น ได้แก่ ความเสี่ยงในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ แต่บริษัทฯ ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ จากความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้ยกระดับขึ้นเป็นความเสี่ยงองค์กร ที่ต้องติดตามประเมินสถานการณ์และระดับความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลเชิงลึกโดยการสัมภาษณ์ลูกค้าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลเชิงลึก ไปดำเนินการวิเคราะห์ และประกอบการปรับปรุงแผนกลยุทธ์องค์กร และปรับแผนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ฯ ได้ศึกษา วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อประเมินถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจมีผลต่อบริษัทฯ ภายในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า โดยตั้งแต่ COP26 ในปี 2564 เป็นต้นมา ที่โลกได้ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบทั่วโลก จึงได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก่อให้เกิดความกดดันทั้งในภาคสังคม และในภาคธุรกิจ สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีการใช้ชีวิตของคนและวิถีการดำเนินธุรกิจ แนวโน้มที่ได้รับการผลักดันให้ทุกภาคส่วนดำเนินการเพิ่มมากขึ้นต่อไปคือ การใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด เช่น การคัดแยกและรีไซเคิลขยะ การใช้น้ำหมุนเวียน การใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น การขนส่งสาธารณะที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ การคำนึงถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ของโครงสร้างพื้นฐานและการใช้สาธารณูปโภคจากแหล่งพลังงานทดแทน เป็นต้น
บริษัทฯ ได้เห็นความพยายามอย่างแข็งขันของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่มีการตั้งเป้าหมายและวางแผนการทำงานทั้งระบบในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งแนวโน้มและการดำเนินงานเหล่านี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้า ในการเลือกลงทุนโดยพิจารณาจากสถานที่ตั้งโรงงานและการมีสาธารณูปโภคที่สนับสนุนการดำเนินงานในเรื่องนี้ ซึ่งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้านี้ นำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยงต่อรายได้ของบริษัทฯ ฝ่ายบริหารความเสี่ยงและคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจึงได้ติดตามความเสี่ยงนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและประเทศ และจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ รวมถึงรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้า และต่อยอดขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในอนาคต
การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและพนักงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงในองค์กร โดยเฉพาะการจัดการความเสี่ยงในหน้าที่และความรับผิดชอบในภารกิจปกติเป็นหลัก ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ระบบบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามภารกิจปกติจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรในที่สุด นอกจากผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานและบริษัทย่อยที่เป็นผู้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการความเสี่ยงในหน่วยงานนั้น ๆ แล้ว ยังมีพนักงานที่เป็นตัวแทนรับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่เข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานบริหารความเสี่ยงองค์กร และนำไปถ่ายทอดให้แก่พนักงานในระดับปฏิบัติการต่อไป
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางดำเนินการเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรให้กับพนักงานทุกระดับ สามารถจำแนกรูปแบบการดำเนินออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) EDUCATE การสร้างความรู้ความเข้าใจ 2) PARTICIPATE การสร้างการมีส่วนร่วม 3) MANAGE การจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และ 4) ENCOURAGE การบูรณาการการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำงาน
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าความรู้ความเข้าใจของพนักงานทุกคนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กรมีประสิทธิภาพ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ และการบรรยายพิเศษในหัวข้อที่เกี่ยวข้องในแต่ละความเสี่ยง โดยบริษัทฯ กำหนดให้มีการจัดการอบรม และการบรรยายพิเศษเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ผลการดำเนินงานในปี 2566 ได้แก่
บริษัทฯ จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Workshop) จำนวน 14 ครั้ง ตลอดทั้งปี ให้กับคณะทำงานบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับฝ่ายและแผนก และพนักงานระดับปฏิบัติการ เพื่อติดตามการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร กำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยงและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ประเมินระดับความเสี่ยงหลังการดำเนินมาตรการควบคุมความเสี่ยง จัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยง (Risk Mitigation Plan) เพิ่มเติม พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดความเสี่ยง และมีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
การบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร (Enterprise Risk Management) ของบริษัทฯ ใช้แนวทางของ The Committee of Sponsoring Organization หรือ COSO โดยกำหนดให้มีการกำกับดูแลภายในอย่างเป็นระบบตามแนวทางการป้องกันความเสี่ยง 3 ระดับ (3 Lines of Defense) ประกอบด้วยหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเป็นผู้บริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง (1st Line of Defense) หน่วยงานกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นผู้ กำหนดแนวทางและมาตรฐานการด้านบริหารความเสี่ยง และติดตามดูแลการดำเนินงาน (2nd Line of Defense) และหน่วยงานตรวจสอบภายในเป็นผู้ ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบบริหารความเสี่ยงขององค์กรโดยอิสระ (3rd Line of Defense) โดยผลการดำเนินงานจะถูกรายงานอย่างน้อยไตรมาสละ 2 ครั้ง ต่อผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อพิจารณาตามลำดับ
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้มีรายงานผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อผู้บริหารระดับสูง รวม 8 ครั้ง รายงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงรวม 4 ครั้ง และ รายงานต่อที่ประชุมกรรมการบริษัท 4 ครั้ง
บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดผลงานขององค์กร (Corporate KPI) และของผู้บริหารระดับสูง ให้มีความสอดคล้องกับความเสี่ยงขององค์กรหรือตัวชี้วัดความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) ซึ่งจะถูกประเมินทุก 6 เดือน และเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานผู้รับผิดชอบความเสี่ยงเช่นกัน เพื่อให้มีการติดตามและประเมินประสิทธิผลของมาตรการควบคุมและแผนการดำเนินงานด้านความเสี่ยง ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบได้กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลงานให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงด้านน้ำแล้ง บริษัทฯ กำหนดค่าตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ คือปริมาณน้ำดิบสำรองของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรีที่ต้องมีคงเหลือไม่น้อยกว่า 14 เดือน และนิคมอุตสาหกรรมอมตะชิตี้ระยอง ต้องคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน จากตัวชี้วัดดังกล่าว หน่วยงานผู้รับชอบการบริหารจัดการน้ำ คือบริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ได้กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI) ในการบริหารจัดการปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ชลบุรี ให้มีปริมาณน้ำดิบสำรองอยู่ที่ 24 เดือน และสำหรับพื้นที่นิคมอมตะ ชิตี้ ระยอง กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงาน (KPI) โดยรักษาระดับปริมาณน้ำดิบสำรองให้เพียงพอตลอดทั้งปีที่ร้อยละ 80 ของความจุบ่อ เป็นต้น
+84 251 3991 007 (South)
+84 203 3567 007 (North)
+85 620 5758 0007
© AMATA CORPORATION PCL. All rights reserved. Web by Toneyes